บทที่ 682 หนี
น้ำเสียงของหลินเฟิงดังกึกก้องเป็นพิเศษคล้ายกับนำทองและเหล็กมาตีกัน
ผ่านไปสักพักแม้ดูเหมือนโจวซิงจะไม่แยแส แต่รูม่านตาของเขากลับหดลงเล็กน้อย
”พี่เซิง!”ลูกน้องของเซิงอี้ต่างร้องออกมา
หลินเฟิงชักหอกที่ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉานกลับมาอย่างเย็นชา
ในวินาทีที่เซิงอี้สิ้นใจสายตาและฝ่ามือของหลินเฟิงที่ว่องไวได้ยิงพลังวิญญาณออกไปตัดนิ้วของเขาออกมา
แหวนมิติวิญญาณของเซิงอี้ลอยมาและหลินเฟิงก็เก็บมันไว้เรียบร้อย
เขามองโจวซิงด้วยสีหน้าเย็นชาที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ: “เวลานี้ เจ้าพอใจกับผลลัพธ์หรือยัง?”
”ไอ้ระยำ!”ลูกน้องของเซิงอี้ต่างก็สติแตกและกำลังพุ่งเข้าใส่หลินเฟิง
”ถอยออกไป!”ในตอนนั้นเอง โจวซิงกลับเอ่ยห้ามฝูงชนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
น้อยคนนักที่จะได้เห็นสีหน้าไม่พอใจเช่นนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยราวกับน้ำแข็งที่มีรอยปริแตก
”เจ้ากล้าดีอย่างไร”เขาจ้องมองหลินเฟิงด้วยดวงตาที่ยังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความร้อนแรงอย่างสุดขีด
”หากเจ้าไม่กดดันข้าคงไม่ทำเช่นนี้” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
”นี่คือเรื่องของข้าหากเจ้าอยากยื่นเท้าสอด ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหักขาเจ้าซะ!”
”งั้นหรือ?”โจวซิงกัดฟัน ดวงตาฉายเจตนาเข่นฆ่าออกมาอย่างรุนแรง “งั้นข้าอยากจะเห็นนักว่าวันนี้เจ้าจะก่อพายุได้มากแค่ไหน!”
เมื่อเขาเอ่ยจบบรรดาน้องชายของโจวซิงก็บินมาล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้
ความแข็งแกร่งอย่างน้อยสุดในคนกลุ่มนี้คือขั้นสี่และมีคนหนึ่งที่บรรลุถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในขั้นห้า
และลมปราณของโจวซิงเพิ่มขึ้นสูงอย่างเงียบเชียบมันน่าสะพรึงยิ่งกว่าลมปราณของคนเหล่านี้ที่นำมารวมเข้าด้วยกัน!
หลินเฟิงทำนายได้เลยว่าแม้แต่เซิงอี้ที่รับมือได้ยาก เมื่อมาอยู่ตรงหน้าโจวซิงก็ยังไม่สามารถเดินหนีไปได้ไกลถึงห้าก้าว!
จิตใจของหลินเฟิงหล่นวูบในสถานการณ์เช่นนี้ แม้เขาจะบีบคั้นพลังจนตัวลีบ ก็ยังไม่เห็นหนทางที่จะชนะได้เลยสักนิด
หากเราเลือกเผชิญหน้ากันคงเป็นได้เพียงสถานการณ์แห่งความสิ้นหวัง!
หลินเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วสูดหายใจลึกเขานึกในใจแล้วจึงสลับมาอยู่ในสถานะสัตว์
ปีกหลากสีแผ่ออกมาจากทางด้านหลังของเขาส่งผลให้เกิดฝุ่นหลากสีราวกับกลุ่มละอองหมอก
โจวซิงมองเขาด้วยความมืดครึ้ม:”แม้จนมุม เจ้าก็ยังจะสู้อีกหรือ?”
”เจ้าอาจจะแข็งแกร่งกว่ารูปลักษณ์ก็จริงแต่ต่อหน้าข้านั้น เจ้าไม่ต่างจากมดปลวกเลย!”
หลินเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ”ใครบอกว่าข้าจะสู้กับเจ้า?”
ในตอนนั้นเขาก็ได้ใช้ชิบดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามอันซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณประเภทนกทั้งหมด
ปรากฏปีกมากกว่าสามคู่งอกออกมาจากหลังของเขาในทันที
โจวซิงขมวดคิ้ว:”เจ้าจะทำสิ่งใด?”
หลินเฟิงเผยยิ้ม:”เวลานี้แม้ข้าจะยังสู้เจ้าไม่ได้ ทำร้ายเจ้าไม่ได้ แต่ข้าหนีได้!”
ทันใดนั้นแม้เสียงจะยังดังอยู่ แต่หลินเฟิงกลับหายตัวไปแล้ว
เขาสร้างลมพายุที่รุนแรงและสูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้ามันดูเหมือนกับเครื่องมือที่ใช้สำหรับปล่อยควันหลากสี
ช่างรวดเร็วนัก
”เร็วอะไรอย่างนี้!”มีบางคนอุทานออกมา
เห็นหลินเฟิงหายไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็วโจวซิงรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตัวเองว่าคงยากที่จะไล่ตามทัน
แสงจันทร์สาดกระทบใบหน้าของโจวซิงสีหน้าของเขาช่างดูโหดร้ายและน่าหวาดกลัว
ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาพวกเขารับรู้ได้ถึงลมปราณของโจวซิงที่พุ่งพล่าน รู้สึกอันตรายอย่างยิ่งจนทำให้พวกเขาใจสั่น
ทันใดนั้นโจวซิงโบกมือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ออร่าของเขาห่อหุ้มร่างผู้ติดตามคนหนึ่งของเซิงอี้เอาไว้
ดาบฉีนับพันปรากฏขึ้นมาร่างของชายคนนั้นถูกสับเป็นพันชิ้นและระเบิดจนกลายเป็นละอองเลือดโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว
”นี่ท่าน…”หญิงสาวผู้เย้ายวนหวาดกลัวกับการกระทำของโจวซิง
โจวซิงเหลือบมองเธอด้วยแสงอันเยือกเย็น
หญิงสาวเข้าใจได้ในทันทีว่าการกระทำของโจวซิงนั้นเป็นแค่การระบายความโมโหของเขา
โจวซิงยิ้มเยาะอย่างเย็นชาแล้วมองไปยังจุดที่หลินเฟิงหายตัวไปเขาอาฆาตมาดร้ายอยู่ในใจ
”เจ้าหนุ่มจงภาวนาให้ดีว่าอย่าให้ข้าจับตัวเจ้าได้อีกครั้ง”
”ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ซึ้งว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้! ”
……
วูบ——
มีเสียงลมพายุคำรามดังอยู่ในอากาศหลินเฟิงฝ่าพายุอันรุนแรงมาตลอดทั้งคืนจนหนังศีรษะรู้สึกชาไปหมด
จนกระทั่งฤทธิ์ของชิบหายไปความเร็วของเขาจึงช้าลงเรื่อย ๆ
จากนั้นเขาก็ตกลงไปยังพื้นดินอันว่างเปล่าที่ด้านล่าง
ออกมาไกลจากหมู่บ้านกว่า100 กิโลเมตรและไม่มีใครไล่ตามมาสักคน เขาคิดว่าคงหลุดพ้นจากคนพวกนั้นแล้ว
หลินเฟิงนั่งลงบนพื้นเพื่อพักหายใจหัวใจเต้นแรง พร้อมกันนั้นในอกก็เอิ่มอิ่มไปด้วยความโชคดี
โชคดีที่เขามีทักษะการหลบหนีแข็งแกร่งไม่อย่างนั้นคงได้ตายลงในคืนนี้ ไม่ทันได้อยู่รับโอกาสจากปราสาททองคำ
การได้เจอเรื่องราวมากมายในโลกนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้เข้ามา ทำให้หลินเฟิงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย
เขาคิดว่าเขาจำเป็นต้องตามหาหัวหน้านิกายหยวนปิงกับหัวหน้านิกายจื่อหยวนให้พบโดยเร็วที่สุดมาอยู่ในโลกที่ป่าเถื่อนเช่นนี้ คงเป็นการยากหากเขาจะอยู่ตัวคนเดียว
หลังจากได้พักในช่วงสั้นๆ หลินเฟิงตรวจตราชิปที่ยังเหลืออยู่และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ จบจากเรื่องนี้ เขาคงต้องขอร้องให้เจ้าลิงทำงานล่วงเวลาเป็นพิเศษเพื่อสร้างชิปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 35 อันให้เสร็จสมบูรณ์
เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าสิบในนั้นจะถูกใช้ไปหมดภายในแค่วันเดียว!
หลังจากปวดใจเสร็จทันใดนั้นหลินเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้เก็บของกลับมาด้วย!
ดังนั้นเขาจึงรีบนำแหวนมิติของเซิงอี้ออกมาสำรวจด้านในพบว่ามีแต่ของมากมายรกไปหมดรวมถึงกล่องถุงยางอนามัยอีกหลายกล่อง
เขายังไม่อยากทิ้งชีวิตจึงได้หนีมาถึงที่นี่ช่างน่าเห็นใจนัก
หลินเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ทันใดนั้นดวงตาเขาก็สว่างวาบเพราะเจอเข้ากับของวิเศษ
ที่มุมหนึ่งของแหวนมิติมีแสงที่กำลังลอยอยู่กลุ่มหนึ่งขณะที่กำลังจะสัมผัสกลุ่มแสงก็มีตัวอักษรจำนวนหนึ่งบรรทัดปรากฏขึ้นมาในใจของเขาทันที
ฝ่ามือหิน
หลินเฟิงรู้สึกตกตะลึงตามมาด้วยความตื่นเต้นที่ไม่อาจบรรยายได้
ทักษะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
นี่เขายังเก็บของดีมาได้อีกหรือ?!
หลินเฟิงรีบนำแสงนั้นออกมาหลังจากตรวจสอบคร่าว ๆ แล้วเขาจึงยืนยันได้ในทันที
——นี่คือวิถีแห่งการฝึกฝนของฝ่ามือหินยักษ์จริงๆ!
หลินเฟิงเคยเรียนรู้เกี่ยวกับพลังของสัตว์หินยักษ์แต่เขาได้ทำพันธะกับงูมังกรซิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงสามารถฝึกฝนได้ตามพลังที่มี
ของดีเช่นนี้กล่าวได้ว่าประหลาดใจสุด ๆ
จากนั้นเขาจึงรีบไปดูทักษะวิญญาณที่ได้มาจากราชาสัตว์อสูร
มันเป็นทักษะวิญญาณธาตุลมที่เรียกว่าก้าวเงาลมถือเป็นทักษะวิญญาณวิถีทางกายที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งด้านโจมตีและป้องกัน
ผ่านไปสักพักอาการปวดใจที่มีสาเหตุมาจากชิปก็หายไปอย่างสิ้นเชิง หลินเฟิงรีบนั่งขัดสมาธิและหลับตาลง เขาเริ่มฝึกฝนเทคนิควิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองด้วยจิตใจจดจ่ออย่างยิ่งยวด