Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 330

เรื่อง Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 330

Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ – ตอนที่ 330
” เจ้าเด็กเลว ! หยุดพูดเรื่องไร้สาระนั้นเสีย ! พวกเราจักเห็นแก่ตัวในสถานการณ์นั้นได้อย่างไรกัน ? อสูรเชวียนอย่างน้อยสิบล้านจักหลั่งไหลออกมาสู่แผ่นดินใหญ่หากเราแพ้สงครามนี้ ! เจ้าคิดว่าจักมีประชาชนมากเท่าไหร่ที่ต้องประสบความทุกข์ยาก ? คนสามัญไม่รู้เรื่องราวจักต้องตายอย่างน้อยสิบล้าน … เรื่องนี้จักกลายเป็นมหาหายนะ ! ”

จวินวูอี้เอ่ยแทรก

” เราต้องเราต้องทิ้งความขุ่นเคืองส่วนตัวไว้เบื้องหลังในตอนนี้ และเราต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้สิ่งที่ดีต่อส่วนรวม เพียงเท่านั้นที่เราจักมีโอกาสที่มีความหวัง ”

” วูอี้พูดถูกต้องที่สุด ! การต่อสู่ระหว่างคนกับ อสูรเชวียนจักตัดสินโชคชะตาของ แผ่นดินเราไปอีกร้อยปี ! คนทะนงอย่าง ลีจื้อเทียน จักไม่ส่ง การอัญเชิญสูงสุด หลังจากปล่อยวางความทะนง หากสถานการณ์นั้นน้อยนิด ! เขาต้องบังคับความทะนงตนอย่างมาก เพื่อส่ง การอัญเชิญสูงสุด ! ความจริง เขาจักโทนกล่าวหาในประวัติศาสตร์หากเขาไม่สำเร็จ ! ”

ตงฟางเหวินชิงยิ้มเล็กน้อย

” ยอดฝีมืออิสระจำนวนหนึ่ง จักต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ และในตอนแรกพวกเขาจักมีสปิริตเต็มเปี่ยม แต่ ข้าคาดว่าหนึ่งในสามของพวกเขาจักล่าถอยหลังจากเกิดความพ่านแพ้ครั้งแรก ท้ายที่สุดแล้ว คนจักรักษาความแข็งแกร่งของเขาไว้เพื่อยกระดับฐานะทางสังคม ! อย่างไรก็ตาม พวกเราจักทำสำเร็จหากเรา วางผลประโยชน์ไว้ก่อน ในความสับสนนี้ ! ”

” นิสัยธรรมชาติของคน นั้นชั่วร้าย … พวกเขาต้องการต่อสู้กับสายลม และโจมตีสุนัข ที่หล่นลงไปในคูนี้ แต่ ผู้คนส่วนใหญ่จักล่าถอยไปเมื่อลมเริ่มรุนแรง และสุนัขแประเปลี่ยนเป็นเสือ คนส่วนใหญ่รอจนคนอื่นต่อสู้และตาย … จากนั้นจักใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ หลังจากนั้น พวกเขาจักหลีกหนีไปเมื่อไม่มีใครมองเห็น คนเหล่านี้ จักยอมเสียหน้าแทนที่จักต้องตาย พวกเขาเอ่ยว่า กระแสน้ำไหลเชี่ยวเกินว่าข้าจักขวาง … ข้ามิใช่เพียงผู้เดียวที่เสียหน้าในสถานการณ์นี้ … เช่นนั้นทำเช่นนี้จักต่างอันใด … ”

จวินโม่เซี่ยพยักหน้าขณะเขาเอ่ยวาจาเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย เขาพบว่าเป็นเรื่องสนุกที่จักเอ่ยในท่าทีเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสีหน้าของอีกสี่บุรุษ และรู้ว่าพวกมันเริ่มมืดมนขึ้น เช่นนั้น เขาจึงแสร้งหัวเราะและเอ่ย

” แม่เจ้า ! ข้าปวดฉี่ ! ข้ากลั้นไม่ไหวแล้วเพราะมันกำลังจักเช้า แต่ ท่านพูดกันชักช้านัก ! ”

เขาเอ่ยวาจานี้ หันไปและหลบหายไป

บุรุษทั้งสีมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง

เจ้าเด็กเหลือของผู้นี้ไร้ยางอายยิ่งนัก !

” เรื่องนี้ดูไม่ค่อยดี พวกเราจักไปพบ ลีจื้อเทียนเมื่อไปถึงเถียรฟา จากนั้น พวกเราจักมายังกองทหารของเจ้า และปกป้องเจ้า อุดมการของจวินโม่เซี่ยนั้นเชื่อถือได้อย่างแน่นอน พวกเราจักมีโอกาสรอดหากรวมกัน ขณะที่จวินโม่เซี่ยเอ่ย … ช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นการกระทำที่ดี แต่การเสี่ยงตัวเองนั้นเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ พวกเราต้องทำ … ”

จวินวูอี้พยักหน้า จากนั้น เขามองขึ้นฟ้าและถอนใจ

” ข้าไม่รู้เหตุของเรื่องเลวร้ายนี้ .. หรือมันมาจากที่ใด .. หรือสิ่งใดก่อให้เกิดหายนะอันยิ่งใหญ่นี้ ? แต่ เป็นไปได้ว่า อสูรเชวียนจักไม่ออกมาจากเถียรฟาโดยไร้ซึ่งเหตุผล เช่นนั้น ผู้ใดกระตุ้นพวกเขา ? ข้าจักถลกหนังของเขาทั้งเป็นหากข้ารู้ว่าเขาคือใคร ! คนผู้นี้เอาคนทั้งลงมาเล่นตลก ! ”

บุรุษอีกสามเห็นด้วย

คุณชายน้อยจวินกลับมาหลังจากออกไปเล็กน้อย เขาหลบอยู่มุมหนึ่งของกระโจม และได้ยินการสนทนา เขาเหงื่อตกหลังจากได้ยินประโยคเหล่านั้น หัวใจของเขาตะโกนขึ้นอย่างไร้เดียงสา

เดิมทีข้าตั้งใจจักสั่งสอนบทเรียนบทเรียนแก่ มณฑลฉือฮั่น พวกเขาอาจหาญชายตามองสะใภ้สกุลจวินอย่างนั้นหรือ ? แต่ข้าไม่รู้ว่ามันจักกลายเป็นปัญหาใหญ่เช่นนี้ !

ข้าไม่ตั้งใจทำให้เรื่องมาถึงจุดนี้ …​เข่นนั้น ท่านมิสามารถโทษข้าได้ !

…. ….

วันต่อมา จวินวูอี้ ได้รู้ว่า กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ได้แอบเดินทางมากับหลานชายของเขา แม่ทัพจวินเกือบเป็นบ้าด้วยโทสะเมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของสองหญิงสาว เขาเกือบติหนิจวินโม่เซี่ยจนถึงตาย อย่างไรก็ตาม เขามิได้หยุดเพียงการดุด่าดั่งเช่นครั้งก่อนเท่านั้น ความจริง เขาเอาไม้เรียวฟาดจวินโม่เซี่ย …

สถานที่อันตรายเช่นนั้น สองคนนี้ตามมาด้วยได้อย่างไร ?

นี่เป็นผลของการเล่นซ่อนหาของ จวินโม่เซี่ยและจวินวูอี้ คุณชายน้อยจวินจักไปที่ใดก็ตาม ลุงของเขาก็จักไปที่นั่น เขามันจักทำเช่นนนี้เพื่อหลบไม้เรียวของลุงของเขา เขาหนีไปราวกระต่ายป่า … และไม่เคยกลับมาเผชิญหน้ากับลุงของเขา

กองทหารมุ่งหน้าคดเคี้ยว และในที่สุดก็ไปถึง นครสวรรค์ใต้ในวันที่สามวัน ตอนนี้เป็นเวลา สามสิบสามวันแล้วนับจากออกมาจาก นครเทียนเชียง กองทหารเดินทางราว ร้อยแปดสิบกิโลเมตรในแต่ละวัน หมายความว่าพวกเขาเดินทางมากกว่า ห้าพันกิโลเมตรหลังจากข้ามหุบเขาและลุยผ่านแม่น้ำ

ทุกคนสูดหายใจด้วยอากาศที่หนาวเหน็บหลังไปถึง นครสวรรค์ใต้

พื้นที่ด้านนอก นครสวรรค์ใต้ นั้นรกร้างว่างเปล่าเกือบห้าร้อยกิโลเมตร ป่าเถียนฟายังคงงดงาม แต่บ้านเรือนผู้คนกลายเป็นซากปรักหักพัง จวินโม่เซี่ยมองไปยัง นครสวรรค์ใต้ และหัวเราะเยาะกับความโชคร้ายของศัตรูอย่างดุเดือด … จนเขามีกล้าขึ้นตรงท้อง

ที่ตั้งของ มณฑลฉือฮั่นกลายเป็นค่ายหลักสำหรับการบัญชาการของอสูรเชวียน

พวกเขาพบ อสูรเชวียนกลุ่มใหญ่บนเส้นทางไปยัง นครสวรรค์ใต้ กลุ่นเหล่านี้รวมตัวกันและโจมตียอดฝีมือที่พวกเขาพบในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ วินัยของ อสูรเชวียน นั้นน่าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่พบร่องรอยของ อสูรเชวียน ในระยะทางร้อยห้าสิบกิโลเมตรก่อนถึง นครสวรรค์ใต้

ดังนั้นจึง บอกได้ว่าเป้าหมายชั่วคราวของ อสูรเชวียน นั้นคือคนของ นครสวรรค์ใต้ หรือบางที … อาจจะเป็นคนที่ อสูรเชวียน มีความเกลียดชัง ดั่งเช่น … ลีจื้อเทียนแห่ง มณฑลฉือฮั่น หรือลูกชายของเขา …

ขนาดของ นครสวรรค์ใต้ นั้นไม่มีทางน้อยกว่า นครเทียนเชียง มันคือ นครแรกทางใต้ของดินแดนนี้ อย่างไรก็ตาม อสูรเชวียนได้ยึดครองหุบเขาโดยรอยแล้ว และล้อมไว้คล้ายดั่งถังเหล็ก

ในที่สุด กองกำลังของจวินวูอี้ก็รักษาจำนวนคน และบุกฝ่าไปยัง นครสวรรค์ใต้ได้ ประสบการณ์นี้น่ากลัวแม้นว่าพวกเขามิได้ประสบเรื่องร้ายก็ตาม แต่ พวกเขาสามารถเข้าไปในเมืองได้

และทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปในนคร …

เสียงคำราม ดังสนั่นจากทางเหนือและจบลงตรงทางใต้ของนคร มันแหวกอากาศเมื่อสะท้อนออกไปไกล ราวกับการถ่ายทอดข้อความ

เสียงคำรามดังก้องจากทางเหนือไปทางใต้ และทางตะวันตกไปตะวันออก มันก้องสะท้อนทั่วทิศทาง และส่งข้อความนี้ไป มันแพร่กระจายไปทั่วเมืองเมื่อไปถึงทางใต้

เสียงคำรามจากทางใต้ดังขึ้นเพื่อเป็นการตอบและมันก้องสะท้อนไปมา

ราวกับคนสองคนแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน มันฟังดูเหมือนเอ่ยว่า

” พวกเรามาอีกแล้ว กองกำลังหนึ่งหมื่นมาถึงแล้ว ครั้งนี้มาจากนครเทียนเชียง “

และจากนั้น อีกผู้ตอบกลับ

” ข้ารู้ …. “

การตีความนี้อาจไม่ถูกต้องแต่ความหมายของมันจักต้องใกล้เคียง

” วู้ อสูรเชวียนเหล่านี้มีวินัยยิ่ง ! พวกเขาเก่งกว่ากองทหารด้วยซ้ำไป น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าชอบสิ่งนี้ ”

จวินโม่เซี่ยยกย่องจริงใจ จากนั้นเขาพยักหน้าก่อนเอ่ยต่อ

” อสูรเชวียนนั้นมิได้น่าสะพรึงกลัว ข้าเชื่อว่าพวกเขามีอารยะ ”

เสียงหัวเราะอันน่ารักสองเสียงดังมาจากด้านข้างของเขา จวินโม่เซี่ย แต่งตัวให้ กวนเซียงฮั่น และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เป็นทหารเล็กน้อยก่อนเข้าไปยังนคร ความจริง หากมองผิวเผินไม่มีใครบอกได้ว่าสองทหารที่หุ่นเพรียวนี้เป็นหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจนี้ไม่เป็นที่พอใจอย่างมากสำหรับสองหญิงสาว อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยยืนกราน และ แสดงจุดยืนของเขาเพื่อให้พวกนางทำตาม

ตงฟางเหวินชิงมองหลานไร้ประโยชน์ของเขาอย่างหมดหนทาง

น่าประหลาดใจนัก ! เจ้าเหลือขอนี่ยังเล่นตลกแม้ในใช่วงเวลาสำคัญ ? เขาโง่จริงๆหากไม่กลัวพวกมัน !

จากนั้น เขาถอนใจและเอ่ยขึ้น

” ข้อความนั้นถูกส่งโดย อสูรราชสีห์ระดับแปดสูงสุด ราชัญแห่งเถียรฟาใช้ อสูรเชวียนระดับสูงเช่นนี้เพื่อส่งข้อความ เรื่องนี้ไม่น่าขัน … ”

” แม่เจ้า ! ว้าว ! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ! ”

จวินโม่เซี่ยเคาะปาก และเอ่ยต่อ

” เหตุใดเราไม่เห็น อสูรบินได้ระหว่างทาง ? ข้าคิดว่าเราสามารถจับพวกมันมาขี่ได้เหมือนกับม้า พวกมันมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการรับหญิงสาว ! หญิงสาวจักตกหลุมรักข้าหลังจากพวกนางได้เห็นพวกมัน ! “

ตงฟางเหวินชิงเพ่งมองเขาดวงตาเบิกกว้าง และเริ่มกระหืดกระหอบด้วยโทสะ เจ้าเด็กเลวนี่เริ่มโอหังจนเขาเริ่มเหมือนมีเลือดออกในสมองเนื่องจากโทสะ

ในที่สุดลุงตงฟางก็ได้รู้ว่าชื่อเสียง เสเพลที่สั่นคลอนดินแดนของหลานชายนั้นไร้เหตุผลอื่นใด …

เขารู้ว่าไม่มีคนปกติคนใดที่สามารถโต้เถียงกับเด็กที่เสื่อมทรามและนิสัยเสียผู้นี้ได้ … มันฟังดูคล้ายดั่งไก่ที่คุยกับเป็ด .. ภาษามันไม่เหมือนกัน …

กองกำลังของ นครสวรรค์ใต้แสดงความไม่พอใจต่อ กองกำลังสนับสนุนที่เพิ่งมาถึงจากเทียนเชียง เจ้าหน้าที่ราชการระดับสูงที่ประจำอยู่ภายในกำแพงต้อนรับจวินวูอี้เข้านครด้วยความเคารพ

จวินวูอี้มีความแคลงใจในเรื่องนี้เล็กน้อย นครสวรรค์ใต้มีชื่อเสียงดั่งเช่นนครเทียนเชียง และมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล อย่างไรก็ตาม มีผู้คนมากมายอาศัยอยู่ในนครนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีกำลังเสริมมากมายมาจากต่างอาณาจักร และที่อื่นๆทั้วโลก ด้วยเหตุนี้จวินวูอี้จึงคิดว่า นครแห่งนั้นจักต้องแออัด และไม่มีพื้นที่เพียงพอให้กองกำลังของเขา

แต่มันจักเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่จักตั้งค่ายด้านนอกกำแพงเมือง

เขาเป็นกังวลในเรื่องนี้อย่างมาก

อย่างไรก็ตามกองกำลัง สองหมื่นของเขาเข้าเมืองมาได้อย่าง่ายดาย ความจริง กองกำลังของเขาที่ได้เข้ามาอยู่ในนครตอนนี้ยังคงเงียบอยู่ และดูเหมือนจักอับอายเล็กน้อย

น่างุนงงยิ่งนัก !

แต่ ความสงสัยของเขากลับถูกคลี่คลายในตอนที่กองทหารทั้งหมดเข้ามาในนคร ..

ยอดฝีมือออกมาจากสองข้างถนน …. พวกเขาบางคนมีผ้าพันแผล นี่แสดงให้เห็นถึงการบาดเจ็บที่พวกเขาได้รับ บางคนมีผ้าสีขาวพันแผลอยู่บนหัว มีเสียงร้องมากมายดังออกมารอบๆเมือง แต่มิได้รู้สึกถึงความอลม่าน อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าเมืองนั้นมีบางสิ่งหายไปขณะที่พวกเขาเดินทางไปรอบๆ ..

คุณชายน้อยจวินคิดอยู่ชั่วครู่ และรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ

“ไม่มีชาวบ้านในนครนี้ได้อย่างไรกัน ? “

วาจาเหล่านี้ทำให้ทุกคนสนใจ และปลุกพวกเขาให้ตื่นจากภวังค์ อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าไม่มีผู้คนอยู่ที่นี่ เพียงแค่ .. มีพวกเขาอยู่ไม่มากนัก และที่น่าประหลาดในที่สุด … ครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ไม่มีผู้ใดเห็นคนแก่และบุรุษที่อ่อนแอ หรือหญิงสาว และเด็ก ในนคร …

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในป้อมปราการของนครคือขุนพลนามว่า อวานวูเอี้ยน เขายิ้มเล็กน้อยและเอ่ย

” การก่อกบฏของสัตว์เชวียนนั้นยิ่งใหญ่นัก เช่นนั้น เราจึงมิกล้าเพิกเฉย พวกเราได้ย้ายหญิงสาว เด็ก คนแก่และคนอ่อนแอให้อยู่ห่างออกไปห้าร้อยกิโลเมตร พวกเราได้ทำสิ่งเหล่านี้ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเพื่อปกป้องพวกเขาจากเหตุการณ์ร้ายนี้ เหลือเพียงไว้แต่บุรุษวัยกลางคนและร้านค้าเล็กน้อย ขุนพลผู้นี้จักไปหาและระลึกถึงพวกเขาด้วยตัวเองหากเราชนะในการกบฏของอสูรเชวียนนี้ พวกเรามิอาจมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข และทำงานได้อย่างสงบ … แต่อย่างน้อยพวกเราสามารถปกป้องครอบครัวและบ้านได้ …”

จวินวูอี้รู้สึกเคารพต่อบุรุษผู้นี้อย่างยิ่ง

” ขุนพลอวาน จวินผู้นี้ชื่นชมในความรู้สึกของท่านที่มีต่อผู้คนในเวลาเช่นนี้ ! ”

อวานวูเอี้ยนดูเจ็บปวด จากนั้นเขายิ้มเล็กน้อย

” การก่อกบฏนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างแน่นอน อสูรเชวียนทรงพลัง ได้แทรกซึมเข้ามาในนครหลายครั้งเพื่อก่อปัญหา และพวกเขาเป็นเหตุให้มีการล้มตายมากมายจนข้ามิอาจนับได้ เข่นนั้น เหตุใดต้องเดือดร้อนประชาชน ? ข้าได้ปกป้องสถานที่รกร้างของ นครสวรรค์ใต้มาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี … ผู้คนที่นี่มิใช่เป็นชาวเมือง หากแต่พวกเขายังเป็นครอบครัวของข้า เพื่อนและพี่น้อง เช่นนั้นข้ามิอาจจากสถานที่นี่ไปได้บแม้นว่ามีโอกาส …”

นครสวรรค์ใต้คือบ้านของเขา เขาโตที่นี่ เช่นนั้น เขามองมันด้วยความอบอุ่น และปรารถนา …

บรรยากาศหนักอึ้งและอึดอันในทันที

“การเคลื่อนช้ายผู้คนจำนวนมากมิต้องใช่ความพยายามอย่างมากหรือ ? “

จวินโม่เซี่ยเปลี่ยนเรื่อง

” สวรรค์ใต้นั้นไม่เหมือนพื้นที่ตอนกลาง เช่นนั้น ผู้คนนั้นไม่มากมายแม้นเป็นนครใหญ่ พวกเราเคลื่อนย้ายคนประมาณ หนึ่งล้านห้าแสนสี่หมื่นสามพันเก้าร้อยออกจากนคร และพื้นที่รอบๆ “

อวานวูเอี้ยนเอ่ยด้วยความสุภาพและพึงใจ จากนั้นเขาหัวเราะเบาๆ

” ความพยายามนั้นไม่น่ากังวล … นี่คือเรื่องของ หนึ่งล้านห้าแสนชีวิต ! งานหนักนั้นคุ้มค่า !”

” น่าอัศจรรย์ ! ”

จวินวูอี้มองไปยัง นครสวรรค์ใต้อันเก่าแก่ และเอ่ย

” ขุนพลอวาน ความอุสาหะของท่านนั้นไม่ไร้ประโยชน์ จวินผู้นี้สัญญาว่าความพยายามของ ขุนพลอวานนั้นจักไม่เสียเปล่า ! ”

” ข้าหวังเช่นนั้น ข้าเพียงแต่ … ขอร้องคุณชายสามจวิน ….”

ขุนพลอวานเงียบไปชั่วครู่ และจากนั้น เอ่ยตะกุกตะกัก

พวกเขาจัดระเบียงกองทหารและตั้งค่าย หลังจากนั้นพวกเขาและขุนพลอวานวูเอี้ยนเดินทางไปยัง ศาลาว่าการเพื่อพูดคุยเรื่องเร่งด่วน

จวินวูอี้ตกใจในทันทีหลังจากพวกเขาผ่านโค้งไป

นี่คือศาลาว่าการ

พระเจ้า !

การพูดคุยนี้อยู่ในพื้นที่สาธารณะ ?

จวนเจ้าครองนครพังทลายลงดั่งเช่นสถานที่ไม่สำคัญอื่นๆ ทั้งหมดนั้นถูกรื้อถอนลงเพื่อเป็นที่อยู่ของทหารนับหมื่น ลานว่าการเดิมนั้นยังคงอยู่ มันสูงราวสามเมตร และตกแต่งด้วยผ้าสีเขียวบาง จวินโม่เซี่ยเหลือบมองไปและรู้สึกว่ามันดูเหมือนเวทีละคร

กระโจมหรูหราจำนวนหนึ่งถูกตั้งขึ้นด้านข้าง และ ธงขนาดใหญ่โบกสะบัดรุนแรงท่านกลางสายลมสาทรฤดูด้านหน้ากระโจมเหล่านั้น ธงนับร้อยรอบๆโบสะพับไปด้วยกัน อีกทั้งยังมีข้อความเขียนไว้บนธงเหล่านั้น

“มณฑลฉือฮั่น”

” นครพายุหิมะสีเงิน”

” โอวอยาง ”

” เดือนมู่”

“ไป๋ลี่ “

” เป่ยกง”

” เหวินเหริน “

” โจ่วโช่ว “

” เฉินซี ”

” ยูถัง “

” วังแยกวิญญาณ ”

และอื่นๆ

จวินโม่เซี่ยดีใจ คิ้วของเขาชี้ขึ้น และ ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยความสุข ขณะที่เขาหัวเราะและเอ่ย

” คาดไม่ถึงจริงๆ ! ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของยอดเคล็ดวิชาทั้งหลาย ! นี่ช่าง น่าอัศจรรย์ยิ่ง ! ไม่มีสิ่งทั่วไปหรือสามัญเลย … ”

อย่างไรก็ตาม คุณชายสามจวินไม่มิใด้ละเลยเรื่องนี้ เขาย่นคิ้ว …

มันสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องมีหนึ่งผู้บัญชาการหากพวกเขาต้องการให้มีโอกาสที่จักชนะ ยอดฝีมืออิสระเหล่านั้นอาจจะนำไปสู่การต่อสู้แบบตะลุมบอล กับคนนับสิบหรือ … อาจจะประมาณหนึ่ง อย่างงไรก็ตาม จวินวูอี้รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถนำกองกำลังขนาดใหญ่นับแสนเข้าสู่สงครามได้

อย่างไรก็ตาม กองกำลังและทหารจาก อาณาจักรใหญ่และผู้คนจากสกุลที่มีวรยุทธ์จักมีความเท่าเทียมกันในสถานการณ์นี้ ความจริง อาจบอกได้ว่าสถานะของกองทัพนั้นถูกยกให้อยู่สูงสุด

กองทหารทั่วไปไม่ถูกให้ความสำคัญในสายตาอขงยอดฝีมือเชวียนผู้ทรงพลังในเวลาปกติ แต่ .. นี่คือเวลาปกติ ? มันไม่เป็นเรื่องตลกหรือหากคผู้คนเหล่านี้มองผ่านช่องประตูและคิดว่าพวกเขาสามารถทำสิ่งใดที่ต้องการได้ และต่อสู่ตามที่พวกเขาชอบกับราชัญอสูรเชวียนผู้ที่ออกคำสั่งเพียงผู้เดียวในกการ กบฏของอสูรเชวียน ?

” ท่านแม่ทัพจวิน พวกเราได้ตั้งกระโจมสำหรับผู้บัญชาการของนครเทียนเชียงไว้ที่นี่ !

ขุนพล อวานวูเอี้ยนยิ้มและชี้นิ้วออกไป เขาชี้ไปยังกระโจมหลังใหญ่ ที่ถูกตั้งขึ้นกลางลานกว้าง และมีผ้าสีเขียวคลุมไว้ เสาขนาดใหญ่และแข็งแกร่งสองต้นปักลงพื้นในแต่ละด้าน พวกเขาเลิกผ้าหน้าประตูขึ้น และพบว่าภายในเรียบร้อยอย่างมาก มันช้างกว้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น กระโจมนี้สามารถให้คนยี่สิบเข้ามาอยู่ได้ … พร้อมกับมีที่ว่างบางส่วนอยู่

ธงสีแดงโบกอยู่เหนือกระโจม มีคำว่า เทียนเชียง เขียนไว้ คำสามคำกระพือไปขณะที่ธงลอยสูงเหมือนจิตวิญญาณแห่งมังกร แต่สามารถมองเห็นได้เป็นช่วงๆ ธงนี้สูงเกินกว่าก๊กเหล่าใดในระยะสามเมตร นอกจากนี้ยังมีเพียงหนึ่งที่มีชื่อของสกุล

” หือ ? “

จวินวูอี้มองไปยัง อวานวูเอี้ยน ด้วยสีหน้าสงสัย เขางุนงง

อวานวูเอี้ยนหัวเราะอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความนับถือ

” ข้านับถือสี่แม่ทัพสกุลจวินแห่งเทียนเชียงมาเสมอ ยอดขุนพลจวิน จวินจ้านเเทียน ขุนพลขาว จวินวูเห่ย ขุนพลศักดิ์สิทธิ์เลือดเหล็ก จวินวูเมิง และ ขุนพลเลือด จวินวูอี้ ! ข้าภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าบ้านให้กับ สกุลจวินแห่งเทียนเชียง ยอดฝีมือชั้นเลิศมากมายมารวมตัวกันที่ นครสวรรค์ใต้ แต่ที่นี่ยังเป็นดินอดนของข้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ นครสวรรค์ใต้ของข้า และข้าไม่ปล่อยให้วีรบุรุษแห่งเทียนเชียงอยู่ต่ำกว่าผู้ใด ! เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านกรุณา … ขุนพลจวิน ! ”

” ขอบใจมาก ! ”

จวินวูอี้ยังคงเงียบชั่วครู่ก่อนเอ่ยว่าจานั้นออกมาอย่างเคร่งขรึม

” ข้าได้ยินเรื่องราวมากมายในหลายวันนี้ และดูเหมือนมีผู้คนมากมายที่มีความเห็นกับสกุลจวิน ท่านจำต้องระวังขุนพลจวิน ”

อวานวูเอี้ยนลดเสียงต่ำขณะที่เขากล่าวเตือน จวินวูอี้พยักหน้าเชื้องช้าขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ อย่างไรก็ตาม ดวงตาของจวินโม่เซี่ยเปล่งประกายด้วยความเยือกเย็น

จวินโม่เซี่ยผลัดเก้าอี้เลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ สี่รองแม่ทัพแห่งกองทหารเทียนเชียงตามเขาไป แววตาพวกเขาตื่นตัว และมือของพวกเขาคว้าไปที่ด้ามกระบี่ และ สามกระบี่ผู้กล้าหาญเดินไปข้างพวกเขา

ผู้คนจากทุกก๊กเหล่าเข้ามาในพื้นที่พร้อมๆกัน หากสังเกต ..พวกเขาจะเห็นว่าจวินโม่เซี่ยผลักเก้าอี้เลื่อนไปกลางวง เขามิได้เอนเอียงไปทางซ้ายหรือขวา…แม้แต่น้อย

นี่คือความก้าวร้าวอย่างมาก

นี่คือแผ่นดินของข้า ! นี่คืออาณาเขตของข้า ! ข้าจักทำตามที่ต้องการ ! และข้าจักเปลี่ยนมันไปในแบบที่ต้องการ !

จุดที่พวกเขาอยู่สามารถทำให้คนจากทุกที่เห็นได้จากทั้งสองด้านของสนาม และ ทุกคนก็เพ่งมองมา !

บรรยากาศกดดันขึ้นมาอย่างทันที ราวกันจวินโม่เซี่ยและจวินวูอี้ได้นำพาสภาพอากาศที่รุนแรงและอึดอัดมาด้วย

หกบุรุษเคลื่อนตัวมาข้างหน้าอย่างสงบ แต่ ผู้คนด้านข้างสามารถสัมผัสได้เพียงแต่คนเหล่านี้เป็นดั่งเหล็กที่ทรงพลังและไร้เทียมทาน ซึ่งเคลื่อนไปข้างหน้า ผู้คนส่วนใหญ่หยุดหายใจขณะที่พวกเขาเห็นคนเหล่านี้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว

ทันใดนั้น สายลมเยือกเย็นพัดผ่านมายัง นครสวรรค์ใต้ กลุ่มเมฆมืดมนเริ่มคำรามจากสวรรค์เบื้องบน และค่อยๆเคลื่อนปกคลุมพื้นที่นี้เชื่องช้า พายุพัดเข้ามาในสนามและฝุ่นเริ่มฟุ้ง ธงมากมายเริ่มกระพือท่ามกลางสายลง และเริ่มส่งเสียงพึบผับ กระนั้น แม้แต่เสียงกระพือของธงก็ฟังดูเป็นระเบียบเรียบร้อยในเวลานี้

ฝุ่นพัดเข้าที่ใบหน้าของพวกเขา ทำให้รองแม่ทัพทั้งสี่และ บุรุษแห่งสกุลตงฟางทั้งสาม ต้องหรี่ตาและเคลื่อนไหวเชื่องช้าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จวินวูอี้ยังคงเงียบและสงบ สีหน้าของเขายังคงจริงจังแม้แต่คิ้วของเขาก็ยังมิได้เคลื่อนตัว

จวินโม่เซี่ยผลักเก้าอี้เลื่อนของเขาไปอย่างง่ายดายและยืนอยู่ข้างหลังเขาเอ่ยเฉยเมย คิวของเขายังคงเป็นเหมือนดั่งมังกรทรงอำนาจ … มังกรซึ่งพร้อมจะพุ่งออกมาและบินขึ้นสู่อากาศตลอดเวลา ใบหน้าอันสง่างมาและชั่วร้ายของเขายังคงสงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือฝูงชนที่เพ่งมองมารอบตัวเขา การเคลื่อนไหวของเขาไม่ช้าหรือเร็วเกินไป และพวกเขายังคงไม่ได้รับผลกระทบอันใด …

คู่ลุงหลานผู้นี้คล้ายดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งผ่านพายุไปยงสายตาของผู้พบเห็น

บุรุษทั้งสางกำลังเดินไปข้างหน้า

พื้นที่นี่อยู่ภายในขอบเขตของอาณาจักรเทียนเชียง และ เทียนเชียงก็อยู่ใกล้ที่สุดในบรรยานครที่ส่งกำลังเสริมมา ดังนั้น ทุกคนจึงไม่พอใจที่กองกำลังของนครเทียนเชียงมาถึงช้าที่สุด พวกเขาเชื่อว่าเทียนเชียงได้กำหนดให้การมาถึงของกองทัพอย่างแม่นยำเพื่อทำให้พวกเขาอับอาย นี่คือหนึ่งเหตุผลหลักที่ผู้คนจากกฏเหล่าต่างๆไม่ออกมาพบกองทหารเทียนเชียงในตอนที่พวกเขามาถึง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เอ่ยตำหนิเลยขณะที่ได้เห็นคู่ลุงหลานเดินไปข้างหน้า ไม่มีผู้ใดจำเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ได้ ทุกคนอยู่ในอารมณ์ที่สง่างาม และเคารพนับถือ

แม้แต่ เซี่ยวฮั่น ผู้ที่ระแวงจวินวูอี้และต้องการให้เขาตายมากที่สุด ก็ไม่สามารถปล่อยให้ความอิจฉาและดูหมิ่นปกคลุมแววตาของเขาได้

นี่มัน … เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้ามิอาจเทียบเท่าเขาได้จริงๆ ?

จวินวูอี้ มิได้ฝึกฝนปราณเชวียน หรือเคลื่อนไหวได้อย่างแข็งแกร่งเท่าเหล่ายอดปรมาจารย์เหล่านั้น อย่างไรด็ตาม เขาได้เป็นยอดวีรบุรุษตัวจริงนับตั้งแต่เขาได้บัญชาการรบคนนับล้านในเวลานั้น เขาได้รับตำแหน่งแม่ทัพที่มีชื่อเสียงเอย่างแท้จริง ยอดฝีมือ สวรรค์เชวียน เทพเชวียน จำนวนมาก … และแม้แต่ยอดปรมาจารย์ก็คิดว่าเขาเป็นแม่ทัพที่ล้ำเลิศและมิอาจเทียบทาน เขามีชื่อเสียงในฐานะแม่ทัพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ท่าทางของเขาดูเหมือนกำลังกุมชะตากรรมของทหารนับล้านไว้ในกำมือ รู้สึกว่าการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวสามารถจุดฉนวนแห่งสงครามที่ห่างออกไปและแผดเผาดินแดงสังหารขุนพลได้นับพัน เขาคือขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา กลยุทธ์ใดๆก็ตามที่ออกมาจากกระโจมของเขานั้นสามารถนำมาซึ่งชัยชนะเท่านั้น แม้แต่ยอดฝีมือเชวียนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็มิอาจโอ้อวดถึงความคิดที่เหนือชั้นนี้ได้

ทรราชผู้มีนี้ชะตากรรมของประเทศอยู่ในมือ ! เขาดูหมิ่นสามัญชนและดูถูกความแข็งแกร่งที่ตำต้อย !

พวกเขาเพียงสองคน แต่แข็งแกร่งพอที่จักสามารถส่งความเยือกเย็นไปยังสันหลังของทุกคนได้ สองผู้ที่ดูสงบนี้สามารถปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้ทุกคนมองขึ้นมาและได้เห็น

ข้าจักก้าวย่างไปยังดินแดนข้างหน้า … แม้นมันจักเป็นหุบเขาแห่งมีด ป่าแห่งกระบี่ หรือแม่น้ำแห่งไฟนรก ! ข้า… จักเหยียบมันให้แบน !

ทหารจาก อาณาจักนเฉินซี และ ยูถังก็ยืนขึ้นเช่นกัน พวกเขาทำหลังตรงแม้ได้เห็นแม้ทัพที่ครั้งหนึ่งเป็นศัตรูของพวกเขา พวกเขามองเขาด้วยสายตาที่แรงกล้าง ราวกับเป็นเทวรูปแห่งกองทหาร

นี่คือความสามามัคคีของนักรบ

ทั้งเก้าบุรุษเดินด้วยความเงียบอย่างเป็นระเบียบและเข้ากระโจมไป

บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที ท้องฟามีเมฆปกคลุมและมืดมิด

จากนั้นมีเสียงดังขึ้นจากที่ใหนสักแห่ง

” ท่านคู่ควรจักได้รับฉายาว่าเป็น ยอดขุนพลสะเทือนโลกา ! ท่านมีพลังที่แน่เกรงขามแห่งแม่ทัพโดยแท้จริง ! ข้าเชื่อมั่น ! ข้า ซิกงอันยี่ ยิมรับท่านอย่างแท้จริง ! ข้า ต้องขออภัยที่มิได้ไปพบท่านที่กำแพง ! ซี่กงผู้นี้อยากร่วมดื่มสุรากับท่านแม่ทัพจวินหากเขามีเวลา ! ”

เสียงตะโกนอันห้าวหาญนั้นสั่นสะเทือนพื้นดินขณะที่เจ้าของเสียงนั้นเดินออกมาจากกระโจมที่อยู่ข้างใต้ธงข้อความ ฉี่กง เขาดูสูงและแข็งแกร่ง ร่างของเขาแข็งแรงกำยำและสูงส่ง อย่างไรก็ตาม รู้ลักษณ์ที่หยาบกร้านของเขาทำให้รู้สึกกลมลืน เขาสวมชุดสีเขียว และใบหน้าทั้งสองข้างมีบาดแผล สามารถเห็นหนวดเคราที่ยาวราวมังกรหนุ่มบนใบหน้าของเขา

จวินโม่เซี่ยเหลือบมองคนผู้นั้น เขาต้องสูงสองเมตรเป็นอย่างน้อย เขาดูเหมือนหอคอยเหล็กที่สง่างามเมื่อยืนอยู่หน้ากระโจม

คนผู้นี้ คือยอดฝีมือคนสำคุณแห่ง สกุลซี่กง ซิกงอันยี่

” ท่านพี่ซี่กง ทำให้อับอาย ! น้องผู้นี้เป็นเจ้าของบ้าน และต้องขอโทษอย่างใจจริงที่มาถึงล่าช้า ! และท่านพี่ และข้าสามารถพูดคุยและร่ำสุราได้ตอนใหนก็ตามที่ท่านพ่อต้องการ ! ”

เสียงก้องกังวลาและชัดเจนของจวินวูอี้นั้นดำงขึ้นชั่วขณะ

” ดี ! ดี! ”

ซิกงอันยี่หัวเราเบิกบาน

” ฮ่าฮ่า … นี่ … นายบ้านสกุล…ต้องการพูดกับเจ้า แต่นี่ .. คนผู้นี้… มาก่อน … แม่ทัพจวิน … ข้า .. ข้านายบ้าน สกุลเดือนมู่… เดือนมู่โฉว … โฉวโฟว….ยินดีที่ได้พบ “

ชายผู้นี้พูดติดอย่างอย่างมาก อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขา และน้ำเสียงนั้นทำให้รู้ว่าคนผู้นี้ถือตัวอย่างมาก

จวินโม่เซี่ยหัวเราะคิกคัก เพียงแค่ได้ฟังการพูดก็ทำให้รู้ได้ว่าเขาคือ เดือนมู่โฉวเฟิน ที่ลุงตงฟางได้บอกไว้ มิใช่ผู้ใดอื่น

ไม่แน่ใจว่าเขาผิดปกติตามชื่อเสียงหรือไม่ แต่ ชัดเจนว่าเขานั้น สำคัญตัว

” นายบ้านสกุลเดือนมู่ช่างสุภาพอย่างมาก ข้าจักมาหา นายบ้านสกุลเดือนมู่เมื่อว่าง ”

น้ำเสียงของ จวินวูอี้นั้นมิได้พอใจหรือมีโทสะ แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสายใจราวกับดำลังอาบน้ำท่ามกลายสายลมแห่ง วสันตฤดู

“ไม่ …มิใช่ ….แขก …. สุภาพ …”

เดือนมู่โฉวเฟินตอบพร้อมยิ้ม เขากำลังจักพูดต่อเมื่อเสียงลึกลับดังขึ้น

” มิใช่ว่าสองบุรุษนั้นจักทะนงไปหรือ พวกเขามิได้เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งเทียนเชียง นี่มิใช่เพียง จวินวูอี้ ? “

จวินโม่เซี่ยมองไปยังต้นเสียง และพบเพียงแต่เด็กหนุ่มวัยยี่สิบ เขายืนหลังตรงและมีใบหน้าที่หล่อเหลา อย่างไรก็ตาม สามารถเห็นความชั่วร้ายที่คิ้วของเขาได้ เขายืนอยู่ใต้ธงของ มณฑลฉือฮั่น ชายผู้นี้สวมชุดไหมปัก และมีกระบี่ที่อยู่ในฝักหรูหราและส่งกลิ่นหอมห้อยลงมาจากสะโพกของเขา เขาดูเหมือนนักรบที่หาได้ยากในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจักมองพวกเขาอย่างเหยียดหยาม

จวินโม่เซี่ยจวินโม่เซี่ยรู้ถึงตัวตนของฝ่ายตรงข้าในทันที นอกจาก คางคกที่อยากกินเนื้อหงษ์แล้ว … เขาก็คือ ลูกชายเพียงคนเดียวของ ลีจื้อเทียน ลี่เติ้งหยวน จักเป็นใครอื่นได้ ?

พ่อของเจ้ามีลูกชายที่หล่อเหลาแต่หยาบคาย จักทำสงครามกับสัตว์เชวียนได้หรือไม่ หากมิใช่เจ้า ? ข้าจักทำให้เจ้าพิการในครั้งแรกที่มีโอกาส !

จวินโม่เซี่ยหัวเราะขณะที่เดินออกไป

จวินวูอี้ แม่ทัพแห่งขุนพลในรุ่นเขาจักสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร ? ดังนั้นมันจึงถูกสงวนไว้ให้สำหรับ คนเสเพลอย่างคุณชายน้อยจวิน เขาเปล่งแสงออกมาราวขนนก

” คนผู้นี้ดูเหมือนจักมีตาที่หัว เนื่องจากดูเหมือนว่าจมูกของเขาชี้ขึ้นฟ้า ราวกับคุณชายน้อยแห่ง มณฑลฉือฮั่น ที่ชื่นชอบกลั่นแกล้งผู้นี้ เจ้าคือคุณชายน้อยลี่อันธพาล ลี่เติ้งหยวนใช่หรือไม่ ?”

“เจ้า! ฮึ่ม ! ข้าต้องขออำนาจเพื่อจัดการกับเจ้าหรือไม่ ? “

มีร่องรอยแห่งความมุ่งร้ายในแววตาของ ลี่เติ้งหยวนขณะที่เขาเย้ยหยันและเอ่ยด้อยความดูถูก

” สกุลจวินของเจ้ามาถึงล่าช้านักในสถานการณเช่นนี้ และ เจ้าเองก็เป็นเจ้าของบ้าน ! เจ้าคิดร้ายอันใด ? คนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามนี้ ? “

” ชัดเจนว่าเรารู้ว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายอย่างมาด และตราบใดที่ยังพูดถึงเรื่องมาช้า เหตุใดเจ้าไม่ขอความอนุเคราะห์กับองค์จักพรรดิให้เร็วกว่านี้ละ ? อย่างที่สอง ข้าอยากถาม มณฑลฉือฮั่นของเจ้า ทำไมเจ้าไม่ส่งสารระดมพลให้เร็วกว่านี้หากสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนั้น ? เจ้ากำลังทำอันใดอยู่ ? “

จวินโม่เซี่ยคำรามทางจมูกและเอ่ยต่อ

” โอ้ว ! ใช่แล้ว ชื่อเสียงของ มณฑลฉือฮั่น นั้นสำคัญนัก ! เรื่องนี้จักมาถึงจุดนี้หรือไม่ หากเจ้าไม่ทำตัวโอหัง ตาบอด และเย้อหยิ่ง ? เจ้าจักร้องขอความช่วยเหลือในเวลาที่เรื่องราวมันยากเกินกอบกู้หรืออย่างไร ?

” เจ้าไม่ละอายที่ตัวเองไร้ความสามารถและไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จักขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือ ? และเจ้า ยังกล้าจักกล่าวโทษผู้อื่นอีกหรือ ? คนอื่นสามารถถามคำถามนี้ อย่างไรด็ตาม เจ้าแล มณฑลฉือฮั่นไม่ได้รับอนุญาต ! ”

จวินโม่เซี่ยยิ้ม

” จริงอยู่มีหลายคนอยากถามคำถามนี้ แต่ มียอดฝีมือมากมายที่นี่ เช่นนั้น เจ้าจักเพิกเฉยต่อพวกเขาได้อย่างไร ? อย่าลืม เจ้าคือลูกชายของ ลีจื้อเทียน … มิใช่ ลีจื้อเทียน ! แล้วเจ้า

อ่านตอนอื่นๆของ Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ คลิกเลย

แฟนเพจ