Novel-Kawaii - อ่านนิยาย อ่านนิยายออนไลน์ นิยายพากย์ไทย นิยายซับไทย

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 193 เดือนดับลมแรงค่ำคืนแห่งการสังหารคน

เรื่อง Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาค 3 บทที่ 193 เดือนดับลมแรงค่ำคืนแห่งการสังหารคน

เสียงฉ่าดังขึ้นทีหนึ่ง ถ้วยชาที่หัวหน้าทหารหวังถืออยู่ในมือเอียง น้ำชาเทลงไปในถาดถ่านไฟ ควันทึบกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นมาทันที

เสียงไอขนาบด้วยเสียงด่าวุ่นวายดังขึ้นในห้อง

“เหล่าติงเจ้าอย่าขี้เหนียวเช่นนี้ได้ไหม เอาถ่านสักหน่อยมาต้อนรับพี่น้องจะเป็นไร?”

ติงต้าซานก็ไอสองที โบกมือไล่หมอกควัน

“ถ้าไม่ใช่ต้อนรับพวกเจ้า ถ่านไฟก็คงไม่จุด” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

เพราะฉากแทรกนี่ความจริงจังในห้องจึงถูกปั่นกระจายไปหลายส่วน หน้าต่างเปิดออกให้ควันไฟกระจายแล้วปิดลงใหม่อีกครั้ง

“คุยกันเถอะ” หัวหน้าทหารหวังรินชาถ้วยใหม่นั่งลงแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้จะทำอย่างไร?”

คนในห้องบางคนไอ บางคนสูดน้ำมูก

“ทำยากอยู่” มีคนเอ่ย “เรื่องนี้ไร้หนทาง กำลังต่างกันไกลเกินไปแล้ว ต่อให้พวกเขาร้ายกาจอีกเท่าใด เปิดประตูเมืองแล้ว พวกเรารบกับทหารจินมากปานนั้น นี่…จะได้อย่างไร?”

แต่ครานี้สิ้นเสียงของเขากลับไม่มีเสียงร้องรับทันที

ในห้องคนที่นั่งอยู่สีหน้าสับสนเหมือนคิดบางอย่างอยู่

“พวกเรามีคนมากปานนี้ หากเรียกเหมาเหล่าชี ซุนเต๋อลี่กับต่งหยวนพวกเขามาก็จะรวบรวมได้สองพันกว่าคน” ติงต้าซานพลันเอ่ยขึ้น “แล้วยังเป็นการลอบจู่โจมตอนกลางคืน เหล่าจิ่วคนนั้นยังบอกอีกว่าโจรจินที่จริงแข็งนอกอ่อนใน บางที…”

หัวหน้าทหารหวังมองเขาแล้วขมวดคิ้ว

“เหล่าติง เจ้าอย่าถูกความชอบทางทหารมอมเมาสมอง” เขาเอ่ย

ถ้อยคำไม่กี่ประโยคนี้พูดตรงกับความคิดของทุกคน ทำให้คนในห้องต่างสีหน้าประหลาดอีกครั้ง

ไม่ผิด เรื่องเหล่านั้นที่เหล่าจิ่วหัวหน้าคนตัดฟืนพูดก่อนหน้านี้ แม้ฟังดูแล้วเป็นไปได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเด็กเล่นอยู่สุ่มเสี่ยงอยู่ แต่ประโยคนั้นที่พูดท้ายสุดกลับจริงอย่างยิ่ง

ความชอบทางทหาร

หากมีความชอบทางทหารถึงจะเลื่อนยศร่ำรวยได้ มีความชอบทางทหาร ครอบครัวตายไปถึงได้ยศตกทอด

ในฐานะแม่ทัพคนหนึ่ง วิธีเลื่อนขั้นที่รวดเร็วที่สุด ง่ายดายที่สุดก็คือความชอบทางหทาร

เทียบกับความชอบทางทหารแล้ว การเสี่ยงอันตรายก็คล้ายจะไม่ใช่เรื่องอะไรที่ทำไม่ได้

โบราณว่าไว้วาสนาได้มาจากการเสี่ยง

ฐานะของคนตัดฟืนพิเศษ คำพูดบอกเป็นนัยๆ ถึงเฉิงกั๋วกงอยู่รางๆ หรือก็คือบอกว่าพวกเขาถูกเฉิงกั๋วกงส่งมาจริงๆ ส่วนทำไมเชื่อฟังการบงการของเฉิงกั๋วกงได้ คงมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง

เฉิงกั๋วกงแม้มาไม่ได้ แต่ที่จริงในใจก็ยังคิดถึงด้านนี้ ดังนั้นถึงจัดการเช่นนี้

คนตัดฟืนดุดันและเหมาะกับการโจมตีรวดเร็วต่อสู้หักหาญเช่นนี้ ทั้งไม่อาจไม่ปิดซ่อนฐานะ ให้พวกเขาทหารในท้องที่เหล่านี้อยู่ข้างหน้าก็จะไม่ขัดกฎระเบียบของทหาร

แผนการนี้ถี่ถ้วนเกินไปแล้วจริงๆ

“เฉิงกั๋วกงทุ่มเทสิ้นความคิดจิตใจจริงๆ” ดวงตาของติงต้าซานแดงอยู่นิดๆ ถอนหายใจ “ใจเฉิงกั๋วกงผูกอยู่กับทั้งแดนเหนือ แต่ก็ไม่ทอดทิ้งศึกเล็กๆ เหล่านี้ของพวกเราเพื่อศึกใหญ่”

เขาพูดพลางสูดหายใจ ลุกขึ้นมองผู้คนในห้อง

“ที่เหล่าจิ่วพูดไม่ผิด ทหารกองหนุน พวกเขาก็คือทหารกองหนุน คำสั่ง คำสั่งของเฉิงกั๋วกง”

คนในห้องเงียบงันไปครู่หนึ่ง

“ทำเถอะ” หัวหน้าทหารคนหนึ่งพลันเขวี้ยงถ้วยในมือลงพื้นเอ่ยขึ้น “วันเวลาที่อึดอัดเช่นนี้ข้าทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

หัวหน้าทหารอีกคนหนึ่งก็เขวี้ยงถ้วยชาตามมาติดๆ

“ไม่ผิด ขอเพียงพวกเขาเปิดประตูเมืองได้ ข้าจะสู้แลกชีวิตกับโจรจิน” เขาเอ่ย

ติงต้าซานรีบร้องเฮ้ยๆ สองที

“อย่าเขวี้ยงถ้วยของข้าสิ” เขาเอ่ย “มีถ้วยดีๆไม่กี่ใบเอง”

หัวหน้าทหารหวังก็ลุกขึ้นยืนเขวี้ยงถ้วยลงพื้นด้วย

“ติงต้าซาน ในครัวด้านหลังจวนที่ว่าการเมืองไคเต๋อมีถ้วยชามมีค่ามากมาย” เขาเอ่ย “คืนวันพรุ่งนี้หากตีเมืองไคเต๋อได้ ถ้วยชามเหล่านั้นเจ้าขนไปตามใจ พวกเรารับประกันว่าจะแสร้งมองไม่เห็น”

ติงต้าซานตาเป็นประกาย

“เหล่าหวัง ถ้าอย่างนั้นนี่ตกลงแล้วนะ” เขาเอ่ย

ที่พูดว่าตกลงนี่หนึ่งคำสองนัย ในใจคนที่อยู่ที่นั่นล้วนรู้ว่าที่ตกลงคืออะไร

ในตอนนั้นสองคนที่เหลือก็เขวี้ยงถ้วยลงพื้นดังเปรี้ยงด้วย

“ตกลงแล้ว” พวกเขาเอ่ยเสียงดังเช่นกัน “ไม่ใช่แค่ถ้วยชามไม่กี่ใบรึ เจ้าเอาไปให้หมด”

พูดจบผู้คนในห้องพลันสบตากัน เท้าเอวหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“ตอนนี้ไปพูดกล่อมเจ้าหนูสามตัวนั่นกัน” หัวหน้าทหารหวังสีหน้าจริงจังเอ่ย

“พูดกล่อมสามคนนั้นง่ายอยู่ เจ้าพวกนั้นละโมบความชอบทางทหารที่สุด” ติงต้าซานเอ่ยขึ้น ดวงตาทอประกายระริก ถูมือใหญ่สองข้าง “ครั้งนี้หากสำเร็จพวกเราก็สร้างความชอบครั้งใหญ่แล้ว ไม่แน่อาจทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์”

ทิ้งนามไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ นั่นเป็นสิ่งที่บัณฑิตมากมายเฝ้าใฝ่ฝัน

คนที่อยู่ที่นั่นล้วนดวงตาเปล่งประกาย กลางฤดูหนาวยืนอยู่ในห้องที่แทบไม่มีถ่านไฟ เหงื่อร้อนผุดพราย

“นี่เป็นโอกาสใหญ่หลวงครั้งหนึ่ง” พวกเขาเอ่ยพึมพำ

……………………………………….

คืนฤดูหนาวสายลมหนาวพัดหวีดหวิว กองไฟที่จุดวางไว้หน้าประตูเมืองไคเต๋อถูกพัดไหวแทบจะดับลง

ประตูเมืองสี่ด้านของเมืองไคเต๋อล้วนวางถาดไฟขนาดใหญ่แบบนี้ไว้ เดิมทีไม่มี หลายวันนี้เพิ่งตั้ง เห็นชัดยิ่งว่าเพื่อป้องกันคนเข้าใกล้เมืองตอนกลางคืน

แต่คืนนี้ลมหนาวพัดโหม สถานที่บางแห่งจึงกลายเป็นเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง นี่ทำให้ทหารรักษาการณ์บนประตูเมืองกลายเป็นสำรวจนอกประตูเมืองได้ไม่ชัดเจนปานนั้น

เสียงแสกสากเป็นพักๆ ท่ามดลางค่ำคืนมืดสนิทคล้ายมีศีรษะคนเคลื่อนเป็นกลุ่ม สายลมคลั่งหอบพัดบนทุ่งโล่ง ส่งเสียงครวญครางประหลาด ปกปิดเสียงฝีเท้าที่เคลื่อนเข้าใกล้

“เดือนดับคืนแห่งการสังหารคน ลมแรงวันแห่งการวางเพลิง” ติงต้าซานเอ่ยเสียงเบา มองเมืองที่เดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏด้านหน้า “วันนี้เหมาะแก่การจู่โจมตอนกลางคืนแล้ว เจ้าว่าเหล่าจิ่วเลือกวันนี้ บังเอิญหรือว่าล่วงรู้สภาพอากาศล่วงหน้า?”

คนตัดฟืนคนหนึ่งยังล่วงรู้สภาพอากาศอีกรึ

หัวหน้าทหารหวังกลอกตา เสียดายแค่ในค่ำคืนดึกดื่นไม่มีใครมองเห็น

เป็นจูเก๋อเลี่ยงกลับชาติมาเกิดรึไง เรียกลมเรียกฝนได้

“ไม่ต้องสนใจว่าบังเอิญหรือล่วงรู้สภาพอากาศหรอก” เขาเอ่ยเสียงเบา “ดูว่าพวกเขาเปิดประตูเมืองได้อย่างราบรื่นไหมเถอะ”

เขาเอ่ยจบก็หันศีรษะไปมองทีหนึ่ง

“เหมาเหล่าชีดูท่าคงไม่ยอมมาแล้ว”

พวกเขาไปเกลี้ยมกล่อมหัวหน้าทหารของอีกสามป้อมปราการด้วยกัน สองแห่งตกลง แต่อีกแห่งหนึ่งไม่ให้คำตอบชัดเจน บอกว่าจะคิดดู

“เวลาสั้นปานนี้ยังคิดอะไรอีก เห็นชัดๆ ว่าไม่กล้ามา” ติงต้าซานถ่มน้ำลายเอ่ย

“ไม่มาก็ไม่มาซิ” หัวหน้าทหารหวังเอ่ย มองดูศาสตราวุธที่กำแน่นอยู่ในมือด้านหน้า “ไม่แน่พวกเราก็อาจมาเสียเปล่า”

หากคนตัดฟืนเหล่านั้นเข้าไปเมืองไคเต๋อไม่ได้หรือหลังเข้าไปไม่อาจเปิดประตูเมืองได้สำเร็จ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็อับจนหนทางแล้ว

เข้าไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ได้แต่หันหลังวิ่งหนี

“รอก่อนเถอะ” ติงต้าซานก็กำศาสตราวุธในมือแน่น พึมพำเสียงเบา

……………………………………….

เวลาที่จิตใจว้าวุ่น การรอคอยทรมานคนยิ่งนัก

หมอบอยู่บนพื้นดินแข็งเย็น ลมหนาวพัดมาครั้งหนึ่ง ในใจพวกติงต้าซานล้วนเหน็บหนาวไปหมด พัดจนติงต้าซานยังใจลอยอยู่บ้าง

เขาฉับพลันสงสัยว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือไม่

เรื่องนี้บ้าบอเกินไปแล้ว

“เหล่าหวัง เจ้าหยิกข้า…” เขาอดไม่ได้หันไป ฟันกระทบกันเอ่ยขึ้น

สิ้นเสียงก็เห็นเหล่าหวังข้างตัวกระโดดลุกขึ้นมา

“ไฟไหม้แล้ว!” เขาตะโกนเสียงแหบ เสียงสั่นๆ ไม่รู้ว่าหนาวจนแข็งหรือตื่นเต้น

ไฟไหม้แล้ว?

ติงต้าซานมองไป เห็นท่ามหลางความมืดของราตรีเบื้องหน้าควันทึบลอยขโมงพร้อมกับแสงเปลวไฟ พร้อมกันนั้นเสียงเอะอะก็ลอยกระจายไปตามลม

พวกเขาเข้าไปแล้ว! จุดไฟค่ายทหารสองแห่งแล้ว!

ติงต้าซานร่างกายเกร็งเครียดฟันกระทบกันส่งเสียงดังกึกๆ

“ประตูเมืองเปิดแล้ว”

เวลาเพียงพริบตาเดียวทหารสอดแนมด้านหน้าก็ส่งข่าวมาแล้ว

เร็วมาก! รุนแรงมาก!

ติงต้าซานรู้สึกเพียงทั้งร่างชาหนึบ หนาวจนไปถึงกระดูกชัดๆ แต่เหงื่อร้อนกลับผุดพรายออกมาอีก

บุก! เขากระโจนออกมาก็ร้องตะโกน

เสียงยังไม่ทันออกจากปากก็ได้ยินเสียงตะโกนบุกดังมาจากอีกด้านหนึ่งแล้ว ในเวลาเดียวกันคบไฟนับไม่ถ้วนก็สว่างขึ้นพร้อมกัน

นี่ นี่เป็นใครอีก?

พวกติงต้าซานตกตะลึงมองไป เบิกตาโตทันที

“เหมาเหล่าชี!” เขาตะโกนจากนั้นก็โมโห “เจ้าตัวหน้าไม่อายนี่ ไม่กระโตกระตากตามมาด้วยแล้วยังคิดแย่งความดีความชอบอีก!”

สิ้นเสียงคำของเขา หัวหน้าทหารหวังก็ชูดาบพุ่งออกไปแล้ว

“สังหารศัตรู!” เขาตะเบ็งเสียงตะโกน

ทหารกลุ่มหนึ่งตะโกนตามมาติดๆ พลางแห่ไปทางเมือง

ติงต้าซานหวิดถูกชนเซ

“มารดา” เขาตะโกน “แต่ละคนๆ ครุ่นคิดรอบคอบเหมือนถูกบิดาบังคับเข้าห้องหอ ตอนนี้เห็นความดีความชอบแต่ละคนๆ วิ่งเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย”

คำพูดแม้ด่าทออยู่ แต่เสียงกลับเบิกบาน

“เจ้าหนูทั้งหลาย โอกาสแก้แค้นมาแล้ว!”

เขาตะเบ็งเสียงคำราม คนก็พุ่งไปข้างหน้าด้วย คนที่ตามติดหลังร่างเขาก็คือทหารน้อยนามหม่าตูคนนั้น รูปร่างผอมบางกำหอกยาว ในดวงตาทอประกายกล้าประหนึ่งศรคมแทงตรงไปยังเมือง

ได้แก้แค้นแล้ว แก้แค้นแล้ว ท่านพ่อท่านแม่แก้แค้นแล้ว

ค่ำคืนดึกดื่นของฤดูหนาว แสงอัคคีโหมกระหน่ำ เสียงตะโกนคำว่าฆ่าปั่นป่วนท้องนภาฟากหนึ่ง

อ่านตอนอื่นๆของ Jun Jiu Ling หวนชะตารัก คลิกเลย

แฟนเพจ